ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่ง24,000จุด ทองร่วงต่ออีก50บาท
บาทอ่อนพยุงทองคำไม่ให้ดิ่ง หลังดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่ง 331.67 จุด จากกระแสข่าว พรรครีพับลิกันผลักดันแผนปฏิรูปภาษีสำเร็จ
นายพิชญา พิสุทธิกุล อุปนายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ทองคำแท่งและทองรูปพรรณวันที่ 1 ธ.ค. ลดลงบาทละ 50 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 19,700 บาท ขายออกบาทละ 19,800 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 19,344.16 บาท และขายออกบาทละ 20,300 บาท ขณะที่ราคาต่างประเทศอยู่ที่ 1,277 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ปรับตัวลดลงจาก เมื่อวานนี้อยู่ที่ 1,282 ดอลลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และและค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.71 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อย จากเดิมค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.64 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแนะนำซื้อทยอยซื้อหากทองแท่งลงแตะ 19,500-19,800 บาทและขายทำกำไรระยะสั้นถ้าราคาปรับตัวขึ้น
รายงานข่าวจากบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดแจ้งว่า ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 9.13 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันสำคัญจากการคาดการณ์มากขึ้นว่าพรรครีพับลิกันอาจสามารถผลักดันแผนปฏิรูปภาษีได้เป็นผลสำเร็จ หลังนายจอห์น แมคเคน วุฒิสภาพรรครีพับลิกันตัดสินใจที่จะสนับสนุนร่างกฏหมายภาษี ปัจจัยดังกล่าวหนุนสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ให้ปิดพุ่ง 331.67 จุดและขึ้นมาปิดเหนือระดับ 24,000 จุดได้เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐทั้งตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคยังสะท้อนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดถือเป็นอีกปัจจัยที่กดดันราคาทองคำอีกด้วย สำหรับวันนี้ตามเวลาสหรัฐจับตาการลงมติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐในชั้นวุฒิสภาเต็มคณะ ทั้งนี้หากเป็นไปอย่างราบรื่นอาจเป็นปัจจัยหนุนสกุลเงินดอลลาร์และสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ อีกทั้งต้องติดตามการเปิดเผยดัชนีพีเอ็มไอ ภาคการผลิตจากมาร์กิตและไอเอสเอ็ม การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างและถ้อยแถลงประธานเฟดฟิลาเดลเฟีย
อย่างไรก็ตาม ทองคำอยู่ในช่วงปรับฐาน ถ้าราคาปรับขึ้นให้แบ่งขายและถ้าย่อตัวให้ทยอยซื้อเก็บ โดยมองแนวรับที่ 1,266 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และระยะถัดไปที่ 1,260 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เพราะเป็นช่วงที่ราคาต่ำสุดสำหรับนักลงทุนระยะยาว มองแนวต้านที่ 1,285 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และ 1,293 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ขอบคุณข้อมูล จาก เดลินิวส์